สำหรับนักมวยแห่ง
ศตวรรษที่ 19 ดูที่
แจ็ค "นอนพาเรียล" เดมป์ซีย์สำหรับ
ปลาหมอสี ดูที่
ปลาหมอแจ็ค เดมป์ซีย์แจ็ค เดมป์ซีย์ (
อังกฤษ: Jack Dempsey) อดีตนักมวยชาว
อเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ใน
ทศวรรษที่ 1920 ผู้ที่เป็นเสมือน
ตำนานแห่งวงการ
มวยสากลระดับโลก เป็นแชมเปี้ยนโลกรุ่น
เฮฟวี่เวทคนที่ 9 ของโลกแจ็ค เดมป์ซีย์ มีชื่อจริงว่า
วิลเลี่ยม แฮร์ริสัน เดมป์ซีย์ (William Harrison Dempsey) เกิดเมื่อวันที่
24 มิถุนายน ค.ศ. 1895 ที่เมือง
มานาสซา รัฐโคโลราโด ในครอบครัวนิกาย
มอร์มอนที่ยากจน เป็นบุตรชายของฮีรูน และซีเลีย เดมป์ซีย์ ที่มีพื้นเพจาก
รัฐเวสต์เวอร์จิเนียเดมป์ซีย์ ทำงานครั้งแรกเมื่ออายุได้ 8 ขวบ ในฟาร์มพืชไร่ ใกล้กับเมืองโบทสปริงส์ ต่อมาได้เปลี่ยนมาทำงานในเหมืองแร่และเป็น
คาวบอย ซึ่งต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตให้รอด เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เดมป์ซีย์ ก็ยังคงทำงานทั้งสามอย่าง และในช่วงปีนี้เอง ที่ เบอร์นี เดมป์ซีย์ พี่ชายคนโตได้รับเงินพิเศษเป็นนักมวยสมัครเล่นในบ่อนการพนันของเมืองร็อกกี้ เมาเท่น ซึ่งเบอร์นีนี่เองที่เป็นผู้สอนเดมป์ซีย์ให้เคี้ยว
หมากฝรั่งเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของกราม และสร้างความทนทานให้กับผิวหน้าด้วยการแช่น้ำเกลือ ในวัยเด็กนั้น เดมป์ซีย์ทำงานหนักแทบทุกอย่าง และก้าวเข้าสู่ความเป็นนักมวยอาชีพเมื่ออายุได้ 17 ปี ในช่วงปี
ค.ศ. 1911-
ค.ศ. 1916 เดมป์ซีย์ได้ย้ายไปมาระหว่างเหมืองต่อเหมือง การชกครั้งแรกของเดมป์ซีย์ เกิดขึ้นที่ท้องถิ่นเป็นผู้จัด ที่เมือง
ซอลต์เลกซิตี ในฉายา "คิด แบล็คกี้" ซึ่งเดมป์ซีย์สามารถที่จะ
ชนะน็อก ฮาร์ดี ดาวนีย์ ภายในหมัดเดียวที่เรียกว่า "หมัดแฮนด์ค็อก" ซึ่งก่อนชก ดาวนีย์ได้ยั่วเดมป์ซีย์ให้โมโห ก่อนที่จะยอมจ่ายเงินค่าเดิมพันให้เมื่อแพ้โดยที่ชื่อ แจ็ค เดมป์ซีย์ นั้น เบอร์นีย์ ผู้เป็นพี่ชายเป็นผู้ตั้งให้จาก
แจ็ค "นอนพาเรียล" เดมป์ซีย์ นักมวยที่มีชื่อเสียงอีกคนแห่ง
ศตวรรษที่ 19 ในปี
ค.ศ. 1917 เดมป์ซีย์ได้กลายมาเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงแถบ
ซานฟรานซิสโกและ
ชายฝั่งทะเลตะวันออกเดมป์ซีย์ ได้แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทจากเอาชนะน็อก
เจสส์ วิลลาร์ด ในยกที่ 3 ในงานฉลองวันชาติอเมริกา วันที่
4 กรกฎาคม ค.ศ. 1919 ทั้ง ๆ ที่เดมป์ซีย์มีส่วนสูงเตี้ยและช่วงชกทุกอย่างเสียเปรียบวิลลาร์ด ซึ่งการชกครั้งนี้ ภายหลังในปี
ค.ศ. 1964 ได้กลายเป็นกรณีขึ้นเมื่อ แจ็ค คลีนส์ อดีตผู้จัดการของเดมป์ซีย์ได้เปิดเผยว่า เป็นผู้ให้เดมป์ซีย์ใช้
ปูนพลาสเตอร์เคลือบกับผ้าพันมือ เพราะหน้าตาของวิลลาร์ดหลังการชกนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอย เหมือนกับถูกกระทบจากวัตถุแข็งและสาก แต่จากการตรวจสอบด้วย
ภาพยนตร์การชกแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าจะมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง
[1]ต่อมา เดมป์ซีย์สามารถป้องกันตำแหน่งได้ถึง 5 ครั้ง ภายในระยะเวลา 6 ปีที่เป็นแชมป์อยู่ แม้ในช่วง
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เดมป์ซีย์ไม่ยอมเกณฑ์เป็นทหารไปรบ ทำให้เสื่อมศรัทธาจากมหาชนไปช่วงนึง แต่กระนั้น การชกของเดมป์ซีย์ก็ยังถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นการจัดชกมวยสากลชิงแชมป์โลกอย่างในปัจจุบัน คือ การชกกับ
จอร์จ ฌาปองติเยร์ นักมวย
ชาวฝรั่งเศส ในปี
ค.ศ. 1921 ซึ่งสามารถเก็บเงินค่าเข้าชมได้มากถึง 1,000,000
ดอลลาร์สหรัฐ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จากการจัดของ จอร์จ ลูอิส ริคคาร์ด โปรโมเตอร์ชื่อดัง นอกจากนั้นแล้ว การชกครั้งนี้ยังเป็นที่มาของการก่อตั้ง สมาคมมวยแห่งสหรัฐอเมริกา (NBA) ขึ้นมา จากผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ซึ่งต่อมาสถาบันแห่งนี้ก็ได้กลายมาเป็น
สมาคมมวยโลก (WBA) อย่างในปัจจุบันเดมป์ซีย์ ได้เสียแชมป์เมื่อเป็นฝ่ายแพ้ให้กับ
จีน ทันนีย์ ในปี
ค.ศ. 1926 ซึ่งต่อมาในปี
ค.ศ. 1927 ทั้งคู่ก้ได้พบกันอีกครั้งในนัดล้างตา แต่ก็เป็นทันนีย์ที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้อีกครั้ง แต่การชกครั้งนั้นมียอดผู้ชมมากกว่า 100,000 คน และเก็บค่าเข้าชมได้ถึง 2,658,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
[2]แจ็ค เดมป์ซีย์ ได้ถูกบรรจุชื่อลงใน
หอเกียรติยศ เมื่อปี
ค.ศ. 1951 ชีวิตส่วนตัว เดมป์ซีย์
สมรสกับภรรยา 3 คน มีบุตรทั้งหมด 3 คน แจ็ค เดมป์ซีย์ ได้ชื่อว่าเป็นนักมวยที่มีหมัดหนัก มีความทนทรหด สามารถที่จะเอาชนะน็อกคู่ต่อสู้ได้ด้วยหมัดเดียวซึ่งเป็นหมัดเหวี่ยง แม้จะมีรูปร่างที่เล็กกว่านักมวยเฮฟวี่เวททั่วไป คือ มีความสูงเพียง 6
ฟุต 1
นิ้ว น้ำหนักเพียง 187
ปอนด์ จนได้รับฉายาว่า "จอมลุยแห่งมานาซา" ซึ่งใน
การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง
Fighting Spirit ก็ได้นำหมัดเหวี่ยงของเดมป์ซีย์มาอ้างอิงไว้ในเนื้อเรื่อง ซึ่งเรียกว่า "เดมป์ซีย์โรล"
[3]แจ็ค เดมป์ซีย์
เสียชีวิตด้วยอาการ
หัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่
31 พฤษภาคม ค.ศ. 1983 ที่เมือง
นิวยอร์กซิตี สิริอายุได้ 87 ปี
[4]